7 สถานที่น่าเที่ยว เมืองซาโอ จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น
“เดือนหน้าเราจะไปเที่ยวเมืองซาโอ จังหวัดมิยางินะ”
ผมบอกกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น กำลังจะเอ่ยปากให้มันช่วยแนะนำ แต่มันตอบกลับมาว่า
“มันคือที่ไหนอ่ะก๊ะ”
…
ไม่แปลกหรอกครับที่คนญี่ปุ่นจะไม่รู้จัก เพราะญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่เที่ยวให้ตายยังไงก็เที่ยวไม่หมด
ทุกจุด ทุกเมือง ทุกตำบล ทุกจังหวัด อัดแน่นไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติที่หลากหลาย
ไม่ต่างจากหนัง AV ที่ดูตั้งแต่เด็กจนแก่ก็ก็ยั้งดูไม่หมด (เอ๊ะ…)
เมืองซาโอ จังหวัดมิยางิ อยู่ที่ไหน?
เมืองซาโอ เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ในจังหวัดมิยางิ (ศูนย์กลางของภูมิภาค โทโฮขุ ข้างๆคือเซนได Sendai เป็นเมืองหลวง) ซึ่งเมื่อก่อนเราสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินลงที่สนามบินเซนได “แต่ตอนนี้เราต้องเดินทางด้วยรถไฟชิงคันเซ็งจากเมืองโตเกียว ลงสถานีเซนได ใช้เวลาประมาณ 90 นาที จากนั้นก็ใช้บัตรเจอาร์อีส หรือเช่ารถขับเพื่อไปเที่ยวยังที่ต่างๆ”
ตอนนี้ซาโอ เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น จากหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก Fox Village
แต่จริงๆแล้วซาโอยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบคลุม ได้ทุกเพศทุกวัยทุกรสนิยม
ไปช่วงไหนดี?
ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค – พ.ค) เป็นฤดูที่น่าเที่ยวมากที่สุด เดือนเมษายนดอกซากุระจะบานสะพรั่ง ทุกหนทุ่งแห่งปกคลุมไปด้วยดอกไม้สีชมพูและสีขาว
ฤดูร้อน (มิ.ย – ส.ค) อากาศอบอุ่น มีเทศกาลเยอะ เช่นเทศกาลนะบะตะ ที่จังหวัดมิยางิ
ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย – พ.ย) เริ่มปกคลุมไปด้วย สีส้ม แดง เหลือง ของใบไม้
ฤดูหนาว (ธ.ค – ก.พ) ปกคลุมไปด้วยหิมะ สเก็ต สกี
สถานที่ท่องเที่ยวติดดาว
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก MiyaGi Zao Fox Village (10/10)
พระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงของเมือง Zao ที่คุณจะได้ใกล้ชิดกับสุนัขจิ้งจอก 6 สายพันธ์
จำนวนกว่า 100 ตัว แบบไม่มีอะไรกั้น !!
ก่อนเข้าไปเจอน้องๆ เจ้าหน้าที่จะให้อ่านกฎภาษาไทย ซึ่งเป็นข้อห้ามที่ควรปฎิบัติ เช่น ไม่ควรเก็บของจากพื้น
ความรู้สึกที่เข้าไปคือว้าวมาก น้องๆเต็มไปหมด และใช้ชีวิตได้แบบธรรมชาติมากๆ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในโลกของมันจริงๆ แต่สำหรับคนกลัวหมาอย่างผมก็จะสะดุ้งๆหน่อย เช่น โดนกัดเชือกรองเท้า กระโดดงับกระดาษจากมือ อิช้อยเข้าใจเด็กน้อยที่ตกลงไปในบ่อจระเข้เลยว่ารู้สึกเยี่ยงไร แต่น้องๆน่ารักจริงๆนะ เยี่ยวเก่งไปหน่อย ผมว่าใครที่รักสัตว์ รักธรรมชาติ ควรได้ลองมาสัมผัสสุนัขจิ้งจอกแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ซักครั้งในชีวิต!!
วิธีการเดินทาง
สามารถเดินทางจากโตเกียว โดยใช้ชินคันเซน ใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง โดยประมาณ มาลงที่สถานี Shiroishizao station หลังจากนั้นต่อ Taxi ใช้เวลาเดินทางขึ้นเขาประมาณ 30 นาที ค่าแทกซี่ประมาณ 4000 เยน/รอบ
รถบัส ต้องไปลงที่สถานี Shiroishi station แล้วต่อรถบัส Castle Kun Bus วันนึงมีประมาณ 2 เที่ยว 7.58น. กับ 13.35 น. นั่งไปลงสถานี Kawarago Dam ต้องบอกให้คนขับรถบัสจอดที่ Kitsune Mura ด้วย จะได้มาส่งที่ข้างหน้าพอดี ค่ารถบัส 200 เยน/รอบ
- เปิดทำการทุกวัน ปิด 4 โมงเย็น
- ค่าเข้า 1000 เยน/คน
ภาพจาก boredpanda.com
Snow Monster (8/10)
อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของเมืองซาโอ เพราะมีเพียง 3 ที่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
Snow Monster คืออะไร?
มันคือต้นไม้ที่ถูกหิมะพัดเกาะจนเป็นรูปร่างขนาดใหญ่คล้ายตุ๊กตาหิมะอีโวร่างกลายเป็นปีศาจร้าย ซึ่งมีหลายเงื่อนไขมากกว่าอิปิศาจนี้จะเป็นรูปเป็นร่าง
ภาพจาก Pixabay.com
1.ต้นไม้ต้องเป็นต้น Aomori-todomatsu ซึ่งเป็นสนชนิดหนึ่งที่มีใบเขียวตลอดปี เติบโตบนภูเขาสูง เพราะมันจะขึ้นในระดับกำลังดีที่จะเกิดการจับตัวของละอองน้ำแข็งและหิมะบนกิ่ง
2.หิมะต้องตกไม่มากไป ไม่น้อยไป เพราะถ้าตกน้อยไปหิมะก็จะไม่มีการเกาะตัวที่เจ้าต้นสนพันธุ์นี้ แต่ถ้าตกมากไปเจ้าสนพันธุ์นี้ก็ไม่ขึ้น
เราจะต้องนั่งรถ Wild Monster ที่เหมือนแทรกเตอร์สีเขียวมิ้นนี้ นั่งขึ้นไปอีกเกือบชั่วโมง ซึ่งข้างนอกสภาพอากาศหนาวไข่แข็งมาก ฮีทเตอร์ในรถจึงทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพ คนไทยเกือบยี่สิบชีวิตเกือบร้อนตายในรถ
แม้วันนั้นที่ขึ้นไปจะไม่ได้เห็น snow monster เพราะเราไปในช่วงเดือนมีนาคม หิมะละลายไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ว่าวิวบนยอดเขานั้นมันก็สวยมาก แดดแรงจัดทำให้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า หิมะขาวโพลนระยิบระยับ และต้นสนใหญ่ยักษ์เรียงรายพร้อมมีหิมะปลกคลุม รู้สึกอิจฉาประเทศที่มีหิมะจริงๆ
ครั้งหน้าต้องมาใหม่สินะ
โดยช่วงระยะเวลาที่หิมะก่อตัวและสามารถชม Ice Monster แบ่งออกเป็น 4 ช่วง
- เดือนธันวาคม (Early Stage) หิมะเริ่มตก เป็นช่วงก่อตัว
- เดือนมกราคม (Growth Stage) หิมะเริ่มเกาะตัวขึ้นรูปเป็นทรงหางกุ้ง
- เดือนกุมภาพันธ์ (Golden Stage) เป็นช่วงที่ Ice Monster ‘Juhyo’ มีขนาดใหญ่ที่สุด
การเดินทาง การขึ้นไปชมทางฝั่งมิยะกิ ซื้อทัวร์รถบัสที่ออกจากสถานีเซนไดแล้วรวมค่าขึ้นชมอสูรกายหิมะนี่เลยใน ราคา 6,800 เยน / จากหน้าสถานีเซนไดมีรถบัสออกจากป้ายหมายเลข 34 พามาถึงป้าย Togatta Onsen
กำแพงหิมะที่ถนน Zao Ecoline (8/10)
นั่งรถบัสเที่ยวชมกำแพงหิมะที่มีความสูงถึง 10 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 26 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะลัดเลาะไปตามแนวเขาซาโอ ถนนเส้นนี้เป็นถนนที่ เชื่อมระหว่างจังหวัดมิยางิและยามางาตะ ตามปกติในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนักเส้นทางนี้จะถูกปิด และจะเปิดให้รถผ่านได้อีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
เปิด ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ปิด ปิดช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ต้นพฤศจิกายนถึงปลายเมษายนของปีถัดไป
การเดินทาง ขับรถ 40 นาทีจากสถานี JR ชิโรอิชิสะโอ
ปากปล่องภูเขาไฟโอะคะมะ (Okama Crater-Mount Zao) (10/10)
อีกหนึ่งไฮไลท์ (ไฮไลท์เก่ง!) ของซาโอ ก็คือปากปล่องภูเขาไฟ โอะคะมะ ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดยามางาตะและมิยางิ ความสูง 1841 เมตรช่างเร้าใจผู้ชื่นชอบการปีนป่ายเป็นที่สุด ปล่องภูเขาไฟนี้มีลักษณะคล้ายกับหม้อใบใหญ่ที่รองรับน้ำ จึงมีชื่อเรียกว่า โอะคะมะ ที่แปลว่า หม้อ
ข้างในมีน้ำขังจนกลายเป็นทะเลสาบ น้ำมีสีเขียวมรกตแวววาวสวยงามมากค่ะ และเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาที่ผิวน้ำ เราจะมองเห็นสีของน้ำเปลี่ยนไปเป็นสีสันต่างๆ ถึง 5 สี อาห์ ซึ่งคนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ทะเลสาบ 5 สี
การเดินทางมาชมปากปล่องภูเขาไฟโอะคะมะนี้มี 2 วิธี คือ เดินกับขับรถมา
1.วิธีเเรก เราต้องนั่ง สะโอ โรปเวย์ ขึ้นมาสถานี Jizosancho แล้วเดินตามเส้นทางลัดเลาะไปบนเขาอีกราว 1 ชั่วโมง ก็จะถึงจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นโอะคะมะได้
2.วิธีที่ 2 นั้น เหมาะสำหรับคนที่เช่ารถขับเอง สามารถขับรถผ่านเส้นทางชมวิวที่เรียกว่า สะโอ เอโค ไลน์ (ZAO Echo Line) ซึ่งถือเป็นเส้นทางขับรถชมวิวที่สวยงามอีกเส้นหนึ่งค่ะ เริ่มจากบนเขาสะโอวิ่งสูงขึ้นไปยังยอดเขา คัทตะดะเกะ(Kattadake) ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นโอคะมะได้โดยไม่ต้องเดินขึ้นมา
สวนสตอเบอร์รี่ Ichigo World (8/10)
ถึงสวนสตอเบอร์รี่จะมีอยู่ทั่วญี่ปุ่นก็จริง แต่ถ้าใครมาเที่ยวซาโอแล้ว ยิ่งขับรถมาเป็นครอบครัว น่าจะลองแวะสวนสตอเบอร์รี่ที่ได้คุณภาพอย่าง Ichigo World เพราะสวนสตอเบอร์รี่ที่นี่ปลูกแบบสูง สะอาด จัดทางเดินอย่างเป็นระเบียบ กินได้ไม่อั้น รับวิตามินซีฉ่ำไปถึงถุงน้ำดี
สตอเบอร์รี่ของญี่ปุ่น มักจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าของไทย ใหญ่แบบใหญ่!! และมีรสชาติที่เบา หอม หวาน มักจุ่มกับนมข้นหวาน โอ๊ยฟินหิวสตอเบอร์รี่!
- เปิด 10.00 – 16.00 น.
- *ต้องจองล่วงหน้า http://airrsv.net/ichigo-world/calendar
- ผู้ใหญ่ เริ่มที่ 1,300 เยน / เด็ก (4 – 9 ปี) เริ่มที่ 600 เยน เด็กเล็กไม่เกิน 3 ปี ฟรี
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sendai Umino-mori Aquarium (7/10)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของญี่ปุ่น ถ้าที่ไหนมีก็ต้องเก็บ เพราะแต่ละที่จะมีความน่ารักที่ไม่เหมือนกัน อย่างที่ เซ็นได อุมิโนะโมริ ที่นี่จัดแสดงสัตว์น้ำขนาดใหญ่ มีสัตว์ทะเลพันธุ์ต่างๆทั่วโลกจัดแสดงอยู่ประมาณ 100 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย อาทิเช่น การแสดงโชว์ปลาโลมาและแมวน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮกุ และกิจกรรมสัมผัสกับสัตว์ทะเลอาทิเช่น นกเพนกวิน และแมวน้ำอีกด้วย
ส่วนที่ชอบคือตู้ปลาขนาดใหญ่ ที่ถึงแม้จะไม่มีปลาวาฬเหมือนอย่างที่โอกินาว่า แต่ไฮไลท์คือจะมีปลาตัวเล็กๆรวมตัวกันจนดูยิ่งใหญ่ พอถ่ายภาพออกมาแล้วมัน ว้าววว ปั้งๆๆ มากๆ แล้วก็ยังมีพวกนกเพนกวิน ปลาโลมา ถ้าย้อนวัยไปกว่านี้ซัก 5 ปี คงได้แดดิ้นอยู่บนพื้นไปกัคบความคิ้วท์ของน้องๆ
ภาพจาก wow-j.com
เปิด-ปิด 9:00-18:30 น.
วิธีเดินทาง
ขึ้นรถไฟสาย JR Senseki ลง Nakanoe Station จากนั้นเดินประมาณ 15 นาที
(มีรถบัสฟรีจากสถานีไปยังอควาเรียม)
ล่องเรือ อ่าวมัตสึชิม่า (เซนได) (8/10)
การล่องเรือ เรียกว่าเป็นกิจกรรมบังคับของตัวผมเองไปแล้ว ที่ไม่ว่าไปที่ไหนจะต้องล่องเรือ เพราะการได้สูดกลิ่นบรรยากาศของลมเย็นๆ ที่หาไม่ได้ที่แม่น้ำเจ้าพระยาหรือคลองแสนแสบ ก็ทำให้ผมมีความสุขได้ทุกครั้ง
โปรแกรมล่องเรือรอบอ่าวมัตสึชิม่านั้น จุดจำหน่ายตั๋วอยู่ที่บริเวณมัตสึชิม่าเรสเฮ้าส์ ดูให้ ต้องซื้อ ปรแกรมเที่ยวรอบเกาะมัตสึชิม่า (松島周遊)อย่าซื้อผิดนะ ในหนึ่งรอบระยะทาง 17 กิโลเมตร ใช้เวลาทั้งหมด 50นาที เราจะได้เห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่บนอ่าวมัตสึชิม่ากว่า 100 เกาะจากทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 260 เกาะ และเห็นเกาะเป็นรูปร่างต่างๆ ไม่บอกหรอกว่าเห็นรูปร่างอะไรบ้าง ต้องไปเห็นด้วยเอง
ของฝาก
ตุ๊กตาโคเคชิ
โคะเคชิ (Kokeshi) ตุ๊กตาไม้แกะสลักของเล่นพื้นเมือง ถ้าจะให้เกร๋ ต้องไปเพนท์ลายเอง ที่พิพิธภัณฑ์มิยางิซาโอโคเคชิ ที่นั่นจะมีครูสอนวาดพร้อมเคลือบให้อีกด้วย แต่ถ้าฝีมือศิลปะห่วยแตกยับเยินเหมือนผมแล้วล่ะก็ ชั้นล่างก็มีของฝากน่ารักๆหลายๆรูป เรียกว่าใช้เงินแก้ปัญหาแทนแล้วกัน
ชีส
ใครจะไปรู้ว่าที่ซาโอเขาดังเรื่องชีสเลยนะเท๊อออ เป็นชีสสูตรเด็ดเฉพาะของจังหวัดมิยางิ ชีสที่นี่จะกลิ่นไม่แรง มีความหอม หวาน เฉพาะตัว แถมชีสก็มีหลากหลายรสชาติ ผมซื้อรสบลูเบอรี่มาเป็นของฝากเพื่อนๆ แต่ไม่มีใครได้ไปเลย เพราะผมกินเองหมด
มาสค็อต
จังหวัดมิยางิ มีมาสต็อตเป็นของตัวเอง คือเจ้าตัวนี้
อาจจะงงว่า ตัวอะไรวะ? ดูดีๆจะเห็นว่า มันคือหน้าตาของปล่องภูเขาไฟโอคะมะยังไงเล่า น่ารักจะตาย อย่าลืมซื้อของเล็กๆน้อยๆติดไม้ติดมือไปด้วย เป็นที่ระลึกว่าครั้งนึงเราเคยพิชิตยอดเขานี้แล้ว วะฮ่ะฮะฮะฮ่า
RECAP
ไปเหอะ ไม่ผิดหวัง เที่ยวญี่ปุ่นนั้น หากเราเริ่มคุ้นเคยกับ โตเกียว โอซาก้า เกียวโตทั้งหลายแหล่แล้ว อีกขั้นหนึ่งที่เราจะได้ซึมซับธรรมชาติและเข้าถึงวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นให้มากขึ้น ก็คือการเดินทางให้ลึกเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง
เที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวยังไงก็ไม่หมด และเมืองซาโอ จังหวัดมิยางิ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่คนเลิฟญี่ปุ่น ควรได้ไป ถ้าไปแล้วเป็นยังไงก็อย่าลืมมาบอกกันด้วยนะครัช
ติดตามความน่ารักของแอดมินและความสนุกต่อได้ที่ www.facebook.com/paiyoonaima
จุ้บๆ